Adssense

บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

การนองเลือดกับระบบกรรม


ถึงวันนี้ [10 ธันวาคม 2556] รัฐบาลชุดที่คุณภาพต่ำที่สุดในประเทศไทย และคิดว่าน่าจะเป็นรัฐบาลที่คุณภาพต่ำที่สุดในโลกด้วย ก็ยุบสภาไปแล้ว เพราะ เกิดม็อบที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอีกเช่นเดียวกัน

นายกรัฐมนตรีที่ “ฉลาดน้อยที่สุด” ในโลก เพราะ อ่านว่า “ถนนคอนกรีต” เป็น “ถนน คอ-นก-รีต” นี่ ครูภาษาไทยอย่างผม งงจริงๆ ว่า อ่านไปได้อย่างไร 

ก็คงหมดอาชีพในทางการเมืองไปด้วยเช่นเดียวกัน

ถึงตอนนี้ มีข่าวฝ่ายสนับสนุนออกมาว่า จะให้ลงสมัครใหม่ เป็นปาร์ตี้ลิสต์อันดับหนึ่ง  ผมว่า เมื่อถึงคราวเลือกตั้งจริงๆ  พรรคคงไม่ให้สมัครแน่ๆ  หรือว่าได้เข้ามาใหม่อีกครั้งก็อาจจะไม่ได้เป็นนายกฯ  

พรรคพวกก็คงปลอบใจไปอย่างนั้นเอง เพราะ คงไม่มีใครอยากได้นายกรัฐมนตรีที่ฉลาดน้อยอย่างนี้อีกแล้ว

นอกจากจะมีนายกรัฐมนตรีอย่างที่กล่าวมาแล้ว รัฐบาลชุดที่คุณภาพต่ำที่สุดในประเทศไทยคณะนี้ ก็ยังมีรัฐมนตรีที่ “โกหก” เอาดื้อๆ โกหกแบบหน้าด้านๆ อีกด้วย

ผมไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนเลยว่า จะมีรัฐมนตรีที่โกหกแบบหน้าด้านๆ กันอย่างนี้

กลับมาถึงการประท้วงอันยิ่งใหญ่ของประชาชนหนนี้กัน  และก็มาถึงประเด็นที่ผมต้องการเขียน คือ การที่มีนักศึกษาเสียชีวิตไปกับเหตุการณ์นี้

เหตุการณ์นี้ ทำให้ทหารแสดงบทบาทพระเอกอีกครั้งหนึ่ง ในหลายๆ ครั้งของประวัติศาสตร์ชาติไทย สำหรับตัวโกงก็คงเป็นตำรวจอีกเหมือนเดิม

ผมขอบอกก่อนว่า การที่มีคนเสียชีวิตน้อย บาดเจ็บน้อย ไม่เป็นไปตามคำทำนายของพวกโหรซาดิสม์ทั้งหลายนั้น มีองค์ประกอบหลายอย่าง

อย่างหนึ่งในนั้นก็คือ พวกเก่งๆ วิชาธรรมกายทำวิชาช่วยด้วย อย่างที่ผมเขียนไปแล้ว

คราวนี้มาถึงระบบกรรม  คนส่วนใหญ่ชอบเขียนว่า “กฎแห่งกรรม”  ผมไม่ค่อยชอบใช้เท่าไหร่นัก เพราะไปเลียนแบบศัพท์ของวิทยาศาสตร์เขามา

ศัพท์ก็มาจาก “Law of …..” อะไรก็ว่ากันเป็น  “กฎแห่งกรรม”  จึงเป็นสำนวนมาจากภาษาอังกฤษ ที่มีกลิ่นอายอิทธิพลของวิทยาศาสตร์

ในเมื่อวิทยาศาสตร์ไม่ค่อยจะชอบศาสนาเท่าไหร่นัก  เราก็อย่าไปใช้ศัพท์ของเขา  ผลิตศัพท์ของเราเองขึ้นมาดีกว่า

ศัพท์เดิมเขาเรียน “กรรมนิยาม”  ถ้าใช้ศัพท์เดิมก็คงจะงงไปอีก  ก็เลยใช้ศัพท์ว่า “ระบบกรรม” ดีกว่า

ตั้งแต่นี้ไป ระบบกรรมของศาสนาจะทำหน้าที่เร็วขึ้น และมีประสิทธิผลมากขึ้น 

พวกที่สร้างกรรมชั่วทั้งหลาย ไม่ว่าเขาจะใช้ให้ทำ หรือเขาไม่ได้ใช้ให้ทำ แต่เสือกทำเอง จะต้องรับผลของกรรมชั่วอย่างหนักอย่างเร็วทันตาเห็น

เหตุการณ์ครั้งนี้ ผมเชื่อว่า รัฐบาลไม่อยากให้มีใครเจ็บใครตายจริงๆ  แต่ที่มีคนเจ็บคนตายนั้น มีคนในระดับล่างๆ ทำเอง 

คงอยากจะเลียเจ้านาย  แต่เมื่อมีผู้เสียชีวิตเมื่อไหร่  รัฐบาลรู้ทันทีว่าแพ้แน่ๆ  และก็แพ้จริงๆ แพ้เร็วด้วย

รัฐบาลชุดนี้ ชอบโจมตีรัฐบาลที่ของพรรคประชาธิปัตย์ว่า “รัฐบาลมือเปื้อนเลือด” ต่อไปนี้ ก็โจมตีไม่ได้อีกแล้ว เพราะ ตัวเองก็เป็นรัฐบาลมือเปื้อนเลือดเหมือนกันแล้ว

ถึงตอนนี้ ฝ่ายของรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ก็คงจะต้องรอรับผลของกรรมที่ทำไป 

คำว่า “รอรับผลของกรรม” นั้น เป็นสำนวน คือ ถึงไม่รอ  กรรมก็ไปหาแน่ๆ  ที่ผมเขียนไปนี้ ไม่ใช่กรรมในทางบ้านเมือง แต่เป็นกรรมในทางศาสนา

กรรมในทางบ้านเมืองนั้น อาจจะมาช้าบ้าง เพราะ พวกรัฐบาลยังไม่ได้หมดอำนาจไปโดยสิ้นเชิง ยังไม่ได้มีการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่  

ดังนั้น ในทางกฎหมายยังคงทำอะไรได้ไม่มากนัก

แต่กรรมชั่วในทางศาสนานั้น  ส่งผลเร็ว ส่งผลเฉียบขาดอย่างแน่นอน

มือปืนที่มีรูปอยู่นี้  ปรากฏว่า มีคนรู้ตัวแล้วว่าเป็นใคร ทำงานอยู่ที่ไหน  ผมเองไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว  ไม่ได้มีอะไรกัน
ไม่ได้เกลียดชังกันเป็นการส่วนตัว แต่อ่านจากข่าว

การที่รู้ตัวมือปืนอย่างนี้  ผมว่า นักเรียนอาชีวะ หรือนักศึกษารามฯ คงไม่ปล่อยให้มือปืนดังกล่าวมีชีวิตอยู่อย่างปกติเป็นแน่

การที่มีศัตรูเป็นวัยรุ่น และมีเป็นจำนวนมากนั้น  ผมว่า ชีวิตคงไม่มีความสุขอย่างแน่นอน เพราะ ไม่รู้ว่า ใครคนไหนคือศัตรู

การที่เห็นว่า ตนเองมีพวกมาก อย่างอวดศักดาโดยการไปฆ่าคนอื่นนั้น เป็นกรรมหนักอย่างแน่นอน

ดังนั้น กรรมต้องส่งผลแน่ๆ  ผมว่าเร็วเสียด้วยซ้ำ

สำหรับคนสั่งทั้งหลายทั้งปวง ก็ต้องได้รับผลของกรรมเช่นเดียวกัน  จะหนักเบามากน้อยก็ตามความแรงของกรรมชั่วนั้นๆ

ผมยังขอบอกอีกว่า  กรรมชั่วนั้น เมื่อทำผิดแล้ว  ยอมรับกรรมชั่วในโลกมนุษย์ไปบ้างจะดีกว่า ที่จะหนีกรรมชั่วของโลกมนุษย์  แล้วไปรับกรรมในนรกแต่เพียงอย่างเดียว

ผลของกรรมในนรกนั้น บอกตรงๆ ถึงแม้ก่อนตายจะเกลียดกันแบบ ถ้าฆ่ามันได้ ก็จะฆ่ามันให้ตายจริงๆ  แต่พอรู้ว่า มันตกนรกแล้ว ได้รับผลกรรมอย่างไร

ยังนึกสงสารมันเลย  คิดเอาเองว่า กรรมในนรกมันหนักหนาสาหัสขนาดไหน 



การนองเลือดกับวิชาธรรมกาย





มาถึงกระทั่งวันนี้ [28 พฤศจิกายน 2556]  ฝ่ายต่อต้านทักษิณไป ปิดล้อม-เยี่ยม-ยึด กระทรวงต่างๆ ไปแล้ว 18 จาก 20 กระทรวง  เหลือแต่ “สำนักนายกรัฐมนตรี - กระทรวงกลาโหม” เท่านั้น ที่ผู้ชุมนุมยังไม่ได้ไปทักทาย

ในต่างจังหวัดก็มีมวลชนเข้ายึดศาลากลางอีกกว่า 20 จังหวัด ทั้งใน 14 จังหวัดภาคใต้ หรือตามหัวเมืองสำคัญต่างๆ

ที่น่าสนใจคืนโซนอีสานที่ว่ากันว่า เป็นพื้นที่ของคนเสื้อแดง ก็ยังถูกเข้ายึดพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นที่ศาลากลาง จ.อุดรธานี หรือ จ.ขอนแก่น

การนองเลือดในประเทศไทยตามที่หมอดู หมอเดา พระอภิญญาปลอมอย่างเช่นครูบาบุญชุ่ม ทำนายทายทักมา ก็ยังไม่เกิดขึ้น  และผมก็คิดว่า ไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างที่ผมเขียนบอกไว้แล้ว 

ผมมีเหตุผลประกอบ 2 ประเด็น ดังนี้

1) ประเด็นทางการเมือง

หลังจากพรรคเพื่อไทยประกาศไม่ยอมรับอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ รวมไปถึงไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มาของสมาชิกวุฒิสภามิชอบ ที่จะทำให้ 312 ส.ส.-ส.ว. ชะตาขาดนั้น

พวกนี้รู้แล้วว่า แพ้แน่นอน  312 ส.ส.-ส.ว. มีโอกาสติดคุกแน่นอน ตอนนี้ก็ภาวนาฟ้าดินให้ช่วยว่า จะได้รับการรอลงอาญาหรือไม่เท่านั้น

ตอนนี้ ส.ส. กับ ส.ว. ที่ไม่ได้ไปลงชื่อกับเขาด้วย  ต่างก็บอกว่า “กูโชคดี”  รอดตัวไป

จะเห็นได้ว่า พรรคร่วมรัฐบาล รัฐมนตรีทั้งหลาย ไม่กล้าออกมาต่อสู้กับฝ่ายต่อต้านทักษิณกันแม้แต่คนเดียว 

ทุกคนเก็บตัวเงียบ ยกเว้นคุณเฉลิมคนเดียวที่ออกมาพูดบ้าง  แต่ก็พูดน้อยจนไม่เหมือนเดิม ตรงนี้อาจจะเป็นเพราะโรคภัยไข้เจ็บด้วย

ด้วยความคิดส่วนตัว ผมว่าคุณเฉลิมไม่น่าจะรอดตายด้วยโรคนี้ จะตายช้า ตายเร็วเท่านั้นแหละ

เมื่อรู้ว่า ตนเองแพ้แน่  การที่จะสั่งปราบฝ่ายต่อต้านทักษิณนั้น ไม่มีใครกล้าทำ  ทหารนั้นไม่เอาแน่ๆ เพราะ ยังเข็ดอยู่กับคดีที่ยังคาราคาซังอยู่เลย

ฝ่ายตำรวจก็ไม่เอาด้วยอีกเช่นกัน เพราะ ถ้าไปปราบฝ่ายต่อต้านทักษิณ เกิดใครล้มตายขึ้นมา คนสั่งติดคุกแน่ๆ

ดังนั้น รัฐบาลก็ต้องปล่อยไปแบบนี้ รอให้เหตุการณ์มันผ่านไปเอง เพราะ รัฐบาลก็ไม่รู้จะทำอะไรเหมือนกัน

ถ้าถามถึงพวกเสื้อแดงทั้งหลาย  ตอนนี้ก็ไม่สามารถรวมตัวกันได้แล้ว พวกเสื้อแดงก็คงรู้ชะตากรรมแล้วว่า คราวนี้แพ้แน่ๆ

ตอนนี้ แกนนำก็คงจะหาทางหนีเอาตัวรอดกันแล้ว

ที่โคราชนี่ จ่ายหัวละ 5,000 บาท  แต่ต้องอยู่ 5 วัน ผมรู้จักคนที่จ่ายเงิน มันก็บอกว่า ใครอยากได้เงินเอาบัตรประชาชนมาเลย 

แต่ตัวมันเองก็ยังอยู่ไม่ครบ  มันก็กลับมาบ้านแล้ว  คนส่วนใหญ่ก็รับเงินแล้วก็หนีกลับบ้านกันหมด  ดังนั้น  จะเอาเสื้อแดงมาชนก็ไม่ได้อีก

เอาพวกแท็กซี่ในกรุงเทพฯ กับมอเตอร์ไซค์ในกรุงเทพฯ ก็ได้ เสียงอ่อนไปเยอะ ไม่กล้ารวมตัวมาป่วนม็อบแต่อย่างไร

คงจะหนีออกห่างๆ เสียด้วยซ้ำ

ที่เป็นเช่นนี้เพราะ คปท. ไปเอานักเรียนอาชีวะมาเป็นการ์ด

สมัย 14 ตุลานั้น กระทิงแดงก็ถูกตั้งขึ้นมาโดย พล.อ. สุดสาย เทพหัสดิน ณ อยุธยา เพื่อมาต่อต้านกับขบวนการนักศึกษาในยุคนั้น 

กระทิงแดงยุคนั้น ทำงานได้ผลเสียด้วย

ดังนั้น เสื้อแดงทั้งหลายที่ซ่าๆ กวนๆ นั้น ไม่กล้ากับนักเรียนอาชีวะแน่ๆ  เพราะ ขนาดอยู่กันดีๆ ไม่มีเรื่องอะไร นักเรียนอาชีวะยังหาเรื่องฆ่ากันตายเป็นประจำ

การมีเรื่องถึงเลือดตกยางออกในครั้งนี้ เพื่อประเทศชาติ ถึงตายก็ไม่มีปัญหาสำหรับนักเรียนอาชีวะ แล้วการที่รวมกลุ่มกันมากๆ นี้ ไปฆ่าใครตาย มีสิทธิ์ไม่ถูกจับเสียด้วย เพราะ ตำรวจไม่รู้จะไปจับใครเหมือนกัน

ถ้าใครจะข่าวได้ เคยมีข่าวว่า พวกเสื้อแดงขับรถมาป่วนม็อบ ก็โดนพวกนักเรียนอาชีวะเอาขวด สิ่งของปาใส่ จนบาดเจ็บและต้องไปแจ้งความกันเลยทีเดียว

2) ประเด็นทางวิชาธรรมกาย

การมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น และพวกวิทยากรเก่งๆ รู้ว่ามีเหตุการณ์เกิดขึ้น ในทางวิชาธรรมกายพอที่จะมีวิธีแก้ไขได้

ขออธิบายสั้นๆ พอให้รู้เรื่อง ดังนี้

ในทางวิชาธรรมกายนั้น เราสามารถเห็นกายในกาย ณ ภายนอกของคนอื่นได้  คือ เห็นกายมนุษย์ละเอียดของคนอื่นได้

การเห็นนั้น สามารถทำอะไรกับกายมนุษย์ละเอียดของคนอื่นได้ด้วย เช่น รักษาโรคให้ ฯลฯ เป็นต้น

ในการเห็นนั้น เราสามารถเห็นได้ทีละหลายคน หลายหมื่น หลายแสนคนก็สามารถทำได้ 

ดังนั้น  พวกที่มีวิชาธรรมกายชั้นสูง เขาจะทำวิชา แล้วจับเอากายมนุษย์ละเอียดของคนที่ทะเลาะกันอยู่นั้น หันหลังชนกัน

การทำวิชาแบบนี้ พระพุทธเจ้า หลวงพ่อวัดปากน้ำ จักรพรรดิทั้งหลายก็จะช่วยกันทำวิชาด้วย 

เมื่อเราจับกายมนุษย์ละเอียดเอาหลังชนกันแล้ว เหตุการณ์ที่จะร้ายแรงก็ลดลง หรือไม่มีเลย 

ยกเว้นว่า มีใครในนั้น มันถึงคราวตายจริงๆ หรือถึงกรรมหนักหนาสาหัสจริงๆ ก็อาจจะเกิดเหตุการณ์เลือดตกยางออกขึ้นได้

ในกรณีนี้ ถ้าเราจับเอากายมนุษย์ละเอียด “หันหน้าชนกัน” นั่นแหละ จะเกิดเหตุการณ์ฉิบหายวายป่วงเกิดขึ้นได้

อย่างไรก็ดี  กลุ่มของวิทยากรนั้น เป็นคนธรรมดาที่ต้องทำมาหากิน เลี้ยงปาก เลี้ยงท้อง เลี้ยงครอบครัว  และอาจจะเจ็บป่วยขึ้นได้

ถ้ากลุ่มวิทยากรไม่มีใครเลยทำวิชาช่วย  เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็อาจจะเกิดขึ้นได้เหมือนกัน



ครูบาบุญชุ่มโหนกระแส



วันนี้ อ่านพบข่าว “เตรียมนองเลือด!?! คำเตือนจากเกจิชื่อดัง” ของผู้จัดการออนไลน์ ผมก็เริ่มสนใจอีกแล้ว เพราะ พวกคำทำนายแบบนี้ ส่วนใหญ่มั่ว  แล้วผมก็วิเคราะห์ถูกทุกครั้ง

“ให้นับถอยหลังการนองเลือดในเร็ววันนี้!!” เกจิชื่อดังแดนเหนือ “ครูบาบุญชุ่ม” ออกมาทำนายทายทักอนาคตการเมืองไทย จนเป็นเหตุให้เกิดการแชร์กันสนั่นไลน์

โหรชื่อดัง “ภิญโญ พงษ์เจริญ” ช่วยเสริมอีกแรง บอกมีความเป็นไปได้สูง เพราะดวงดาวโคจรบอกเหตุ “ดวงเมืองร้าว” ร้ายแรงที่สุดตั้งแต่เคยมีมา

ฝั่งนักวิชาการวิเคราะห์ด้วยเหตุและผลแล้วเตือนว่า นี่อาจเป็นแค่การปล่อยข่าวหยั่งเสียงสะท้อน อย่าเพิ่งตระหนกไป หมากเกมนี้ยังต้องดูกันอีกยาว...

ผมก็ต้องไปหาอ่านว่า ครูบาบุญชุ่มนี้คือใคร เพราะ ไม่รู้จักมาก่อนเลย ผมก็ไปพบข้อมูล ดังนี้

ประวัติพระครูบาเจ้า บุญชุ่ม ญาณสํวโร สถิต ณ สำนักปฏิบัติธรรม บ้านบุญมหาลาภ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย

 นามเดิม : บุญชุ่ม ทาแกง
ฉายา : ญาณสํวโร
เกิด : วันอังคารที่ ๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๘ เวลา ๐๙.๐๐ น. ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๔
อุปสมบท : เดือนวิสาขะ วันที่ ๑๑ เดือน ๘ ขึ้น ๑๑ ค่ำ วันที่ ๙ เดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๙ตรงกับเดือนแปดเหนือ

ชาติภูมิ
บิดา-มารดา :พ่อคำหล้า แม่แสงหล้า ทาแกง
นามเดิม : เด็กชายบุญชุ่ม ทาแกง
วันเดือนปี เกิด : วันอังคารที่ ๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๘ เวลา ๐๙.๐๐ น. ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน๔
สถานที่เกิด : หมู่บ้านแม่คำหนองบัว ตำบลแม่คำ อำเภอแม่จันจังหวัดเชียงราย

ดูประวัติสักเล็กน้อย

ใน พ.ศ. ๒๕๑๙ ครูบาเจ้าบุญชุ่มญาณสํวโร ได้บวชเรียนตามปณิธานที่ตั้งไว้ ตั้งแต่เยาว์วัย ถึงเวลาท่านก็กำหนดขอขมาลุงและป้าแทนพ่อแม่

แล้วจึงอาบน้ำและนุ่งผ้าขาว ในคืนหนึ่งพอใกล้รุ่ง ท่านนิมิตเห็นหลวงพ่อปู่องค์หนึ่งแก่ๆ ผมหงอกสักไม้เท้าจากต้นโพธิ์ใหญ่ที่ในวัด เดินเข้ามาหาท่าน แล้วสอนธรรมกัมมัฏฐานให้ภาวนาว่า พุทโธๆ

และบอกว่า ให้หมั่นภาวนาในภายหน้าจะได้เป็นครูบาอาจารย์เป็นที่พึ่งของคนทั่วไปและมนุษย์โลกทั้งหลายแล้วท่านครูบาเฒ่าก็เดินลับหายไป

ถ้าประวัติออกมาแบบนี้ เชื่อหัวไอ้เรืองได้เลย สร้างภาพขึ้นมาทั้งนั้น ไม่ได้เก่งจริงอย่างที่มีการสร้างภาพกัน

พระทำนองนี้ เห็นมาแล้วไม่รู้กี่รูปต่อก็กี่รูป อีกไม่นานนัก ลายก็ออก

มาดูความโด่งดังในยุคนี้กันว่า ดังเพราะอะไร

พระครูบาเจ้าบุญชุ่มได้เข้าบำเพ็ญเพียรอยู่ในถ้ำพระโพธิสัตย์ราชคฤห์ แม่แก้ เมืองงาว จ. ลำปาง โดยถือสัตย์บำเพ็ญเพียร ไว้ว่า จะไม่ออกมาพบปะผู้คนเป็นเวลาสามปี นับตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน 2553 เป็นต้นไป

จะฉันเพียงผักผลไม้ ที่ลูกศิษย์นำไปถวายไว้ที่ทางเข้าถ้ำ และมีลูกศิษย์บ้านแม่แก้และใกล้เคียงคอยดูแล ผู้คนที่ผ่านเข้าออกบริเวณรอบๆ เพื่อกันบุคคลอื่นเข้ามารบกวน

อย่าหลงเชื่อบุคคลใดก็ตาม ที่บอกว่า สามารถพาเข้าไปพบครูบาได้ เพราะจะมีการติดต่อสื่อสารทางจดหมายเอามาไว้ที่หน้าถ้ำเท่านั้น

การที่พระรูปหนึ่งหรือจะกี่รูปก็ตาม จะถือธุดงค์โดยการอยู่ในถ้ำถึง 3 ปี 3 เดือนหรือมากกว่านั้น  อันที่จริงแล้ว ไม่ใช่เรื่องที่อัศจรรย์อะไรหนักหนา เพราะ ไม่ใช่เป็นเรื่องที่เป็นตัวชี้วัดว่า เป็นพระอริยบุคคลไปแล้วหรือไม่

แต่เท่าที่ศึกษาประวัติอย่างสั้นๆ  ครูบาบุญชุ่มรูปนี้สร้างภาพมากกว่า ไม่มีได้มีความศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้มีอภิญญาอย่างที่มีการเผยแพร่กันออกมา

แล้วการที่ออกมาจากถ้ำแล้ว ไปพูดอย่างที่แพร่ออกมาทางไลน์ และผมได้เสนอให้ดูไปแล้วด้านบนอย่างนั้น  ก็แสดงว่า อยู่ในป่ามา 3 ปี 3 เดือนก็ไม่ได้ผลปฏิบัติอะไร

ในกรณีนี้ ต้องขอวิเคราะห์ออกเป็น 2 แนวคือ  ข่าวเป็นจริง กับ ข่าวไม่เป็นจริง

ถ้าข่าวเป็นจริง ท่านพูดออกมาอย่างนั้นจริง ท่านก็ไม่ใช่พระที่ควรจะนับถืออะไรกันหนักหนา  คือ มีคนไปขอความช่วยเหลือ อย่างไรเสียก็ควรมีจรรยาบรรณ ไม่ควรพูดอะไรออกมาอย่างนั้น

ไม่สมควรกับการที่ไปอยู่ป่า 3 ปี 3 เดือนไม่พบกับใคร

คือ ถ้าถือธุดงค์ไม่พูดกับใครจริง และไม่ได้พูดกับใครจริงๆ มา 3 ปีกว่าแล้ว ก็คงไม่ปากบอนเล่าเรื่องออกมาอย่างนี้

ถึงกระทั่งบัดนี้  ผมยังเร่มสงสัยไปอีกว่า ที่ว่าไปอยู่ป่าถึง 3 ปี 3 เดือนไม่พูดกับใครเลยนั้น มันจริงหรือเปล่า 

ไม่ใช่ว่า อยู่ในถ้ำแล้ว เล่นเน็ต เล่นเฟสบุ้ก เล่นไลน์ทั้งวันทั้งคืน เพราะดูแล้ว ท่านมีความสนใจในทางการเมืองมากพอสมควร

ต่อมา มาดูว่า ประเทศไทยจะเกิดการนองเลือดหรือไม่!!!

ผมขอฟันธงไปเลยว่า ถ้าเกิดการนองเลือดขึ้นในเมืองไทยจริงๆ ก็ไม่ใช่เป็นเพราะว่า ครูบาบุญชุ่มมีอภิญญาล่วงรู้อนาคต   ท่านก็เดาไปตามประสาคนที่ติดตามข่าวคนหนึ่ง

แต่ผมขอฟันธงบ้างว่า เหตุการณ์นองเลือดที่จะท่วมท้องถนนราชดำเนินไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน นี่หมายความว่า การที่คนจะตายกันเป็นร้อยเป็นพันจนเกิดเป็นสงครามกลางเมือง

อย่างรุนแรงที่สุดก็อาจจะมีคนตายบ้าง เพราะ กรรมเขาถึงฆาตจริง อยู่ที่ไหนก็ตาย

เหตุผลของผมก็คือ  ประเทศไทยมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่มาก

หลายครั้งหลายหนแล้ว ที่จะเกิดเหตุการณ์ที่จะทำให้ประเทศสูญเสียอย่างมาก แต่ก็ไม่เกิดขึ้น หรือเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย

ผมรู้จักและมีความสนิทสนมกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวพอสมควร ดังนั้น จึงกล้ายืนยันได้อย่างนั้น

สำหรับครูบาบุญชุ่มนั้น ผมยังขอยืนยันว่า เป็นพระสร้างภาพ ไม่ได้มีความเก่งกาจอะไร ไม่มีอภิญญาใดๆ