Adssense

บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

ครูบาบุญชุ่มโหนกระแส



วันนี้ อ่านพบข่าว “เตรียมนองเลือด!?! คำเตือนจากเกจิชื่อดัง” ของผู้จัดการออนไลน์ ผมก็เริ่มสนใจอีกแล้ว เพราะ พวกคำทำนายแบบนี้ ส่วนใหญ่มั่ว  แล้วผมก็วิเคราะห์ถูกทุกครั้ง

“ให้นับถอยหลังการนองเลือดในเร็ววันนี้!!” เกจิชื่อดังแดนเหนือ “ครูบาบุญชุ่ม” ออกมาทำนายทายทักอนาคตการเมืองไทย จนเป็นเหตุให้เกิดการแชร์กันสนั่นไลน์

โหรชื่อดัง “ภิญโญ พงษ์เจริญ” ช่วยเสริมอีกแรง บอกมีความเป็นไปได้สูง เพราะดวงดาวโคจรบอกเหตุ “ดวงเมืองร้าว” ร้ายแรงที่สุดตั้งแต่เคยมีมา

ฝั่งนักวิชาการวิเคราะห์ด้วยเหตุและผลแล้วเตือนว่า นี่อาจเป็นแค่การปล่อยข่าวหยั่งเสียงสะท้อน อย่าเพิ่งตระหนกไป หมากเกมนี้ยังต้องดูกันอีกยาว...

ผมก็ต้องไปหาอ่านว่า ครูบาบุญชุ่มนี้คือใคร เพราะ ไม่รู้จักมาก่อนเลย ผมก็ไปพบข้อมูล ดังนี้

ประวัติพระครูบาเจ้า บุญชุ่ม ญาณสํวโร สถิต ณ สำนักปฏิบัติธรรม บ้านบุญมหาลาภ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย

 นามเดิม : บุญชุ่ม ทาแกง
ฉายา : ญาณสํวโร
เกิด : วันอังคารที่ ๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๘ เวลา ๐๙.๐๐ น. ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๔
อุปสมบท : เดือนวิสาขะ วันที่ ๑๑ เดือน ๘ ขึ้น ๑๑ ค่ำ วันที่ ๙ เดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๙ตรงกับเดือนแปดเหนือ

ชาติภูมิ
บิดา-มารดา :พ่อคำหล้า แม่แสงหล้า ทาแกง
นามเดิม : เด็กชายบุญชุ่ม ทาแกง
วันเดือนปี เกิด : วันอังคารที่ ๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๘ เวลา ๐๙.๐๐ น. ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน๔
สถานที่เกิด : หมู่บ้านแม่คำหนองบัว ตำบลแม่คำ อำเภอแม่จันจังหวัดเชียงราย

ดูประวัติสักเล็กน้อย

ใน พ.ศ. ๒๕๑๙ ครูบาเจ้าบุญชุ่มญาณสํวโร ได้บวชเรียนตามปณิธานที่ตั้งไว้ ตั้งแต่เยาว์วัย ถึงเวลาท่านก็กำหนดขอขมาลุงและป้าแทนพ่อแม่

แล้วจึงอาบน้ำและนุ่งผ้าขาว ในคืนหนึ่งพอใกล้รุ่ง ท่านนิมิตเห็นหลวงพ่อปู่องค์หนึ่งแก่ๆ ผมหงอกสักไม้เท้าจากต้นโพธิ์ใหญ่ที่ในวัด เดินเข้ามาหาท่าน แล้วสอนธรรมกัมมัฏฐานให้ภาวนาว่า พุทโธๆ

และบอกว่า ให้หมั่นภาวนาในภายหน้าจะได้เป็นครูบาอาจารย์เป็นที่พึ่งของคนทั่วไปและมนุษย์โลกทั้งหลายแล้วท่านครูบาเฒ่าก็เดินลับหายไป

ถ้าประวัติออกมาแบบนี้ เชื่อหัวไอ้เรืองได้เลย สร้างภาพขึ้นมาทั้งนั้น ไม่ได้เก่งจริงอย่างที่มีการสร้างภาพกัน

พระทำนองนี้ เห็นมาแล้วไม่รู้กี่รูปต่อก็กี่รูป อีกไม่นานนัก ลายก็ออก

มาดูความโด่งดังในยุคนี้กันว่า ดังเพราะอะไร

พระครูบาเจ้าบุญชุ่มได้เข้าบำเพ็ญเพียรอยู่ในถ้ำพระโพธิสัตย์ราชคฤห์ แม่แก้ เมืองงาว จ. ลำปาง โดยถือสัตย์บำเพ็ญเพียร ไว้ว่า จะไม่ออกมาพบปะผู้คนเป็นเวลาสามปี นับตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน 2553 เป็นต้นไป

จะฉันเพียงผักผลไม้ ที่ลูกศิษย์นำไปถวายไว้ที่ทางเข้าถ้ำ และมีลูกศิษย์บ้านแม่แก้และใกล้เคียงคอยดูแล ผู้คนที่ผ่านเข้าออกบริเวณรอบๆ เพื่อกันบุคคลอื่นเข้ามารบกวน

อย่าหลงเชื่อบุคคลใดก็ตาม ที่บอกว่า สามารถพาเข้าไปพบครูบาได้ เพราะจะมีการติดต่อสื่อสารทางจดหมายเอามาไว้ที่หน้าถ้ำเท่านั้น

การที่พระรูปหนึ่งหรือจะกี่รูปก็ตาม จะถือธุดงค์โดยการอยู่ในถ้ำถึง 3 ปี 3 เดือนหรือมากกว่านั้น  อันที่จริงแล้ว ไม่ใช่เรื่องที่อัศจรรย์อะไรหนักหนา เพราะ ไม่ใช่เป็นเรื่องที่เป็นตัวชี้วัดว่า เป็นพระอริยบุคคลไปแล้วหรือไม่

แต่เท่าที่ศึกษาประวัติอย่างสั้นๆ  ครูบาบุญชุ่มรูปนี้สร้างภาพมากกว่า ไม่มีได้มีความศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้มีอภิญญาอย่างที่มีการเผยแพร่กันออกมา

แล้วการที่ออกมาจากถ้ำแล้ว ไปพูดอย่างที่แพร่ออกมาทางไลน์ และผมได้เสนอให้ดูไปแล้วด้านบนอย่างนั้น  ก็แสดงว่า อยู่ในป่ามา 3 ปี 3 เดือนก็ไม่ได้ผลปฏิบัติอะไร

ในกรณีนี้ ต้องขอวิเคราะห์ออกเป็น 2 แนวคือ  ข่าวเป็นจริง กับ ข่าวไม่เป็นจริง

ถ้าข่าวเป็นจริง ท่านพูดออกมาอย่างนั้นจริง ท่านก็ไม่ใช่พระที่ควรจะนับถืออะไรกันหนักหนา  คือ มีคนไปขอความช่วยเหลือ อย่างไรเสียก็ควรมีจรรยาบรรณ ไม่ควรพูดอะไรออกมาอย่างนั้น

ไม่สมควรกับการที่ไปอยู่ป่า 3 ปี 3 เดือนไม่พบกับใคร

คือ ถ้าถือธุดงค์ไม่พูดกับใครจริง และไม่ได้พูดกับใครจริงๆ มา 3 ปีกว่าแล้ว ก็คงไม่ปากบอนเล่าเรื่องออกมาอย่างนี้

ถึงกระทั่งบัดนี้  ผมยังเร่มสงสัยไปอีกว่า ที่ว่าไปอยู่ป่าถึง 3 ปี 3 เดือนไม่พูดกับใครเลยนั้น มันจริงหรือเปล่า 

ไม่ใช่ว่า อยู่ในถ้ำแล้ว เล่นเน็ต เล่นเฟสบุ้ก เล่นไลน์ทั้งวันทั้งคืน เพราะดูแล้ว ท่านมีความสนใจในทางการเมืองมากพอสมควร

ต่อมา มาดูว่า ประเทศไทยจะเกิดการนองเลือดหรือไม่!!!

ผมขอฟันธงไปเลยว่า ถ้าเกิดการนองเลือดขึ้นในเมืองไทยจริงๆ ก็ไม่ใช่เป็นเพราะว่า ครูบาบุญชุ่มมีอภิญญาล่วงรู้อนาคต   ท่านก็เดาไปตามประสาคนที่ติดตามข่าวคนหนึ่ง

แต่ผมขอฟันธงบ้างว่า เหตุการณ์นองเลือดที่จะท่วมท้องถนนราชดำเนินไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน นี่หมายความว่า การที่คนจะตายกันเป็นร้อยเป็นพันจนเกิดเป็นสงครามกลางเมือง

อย่างรุนแรงที่สุดก็อาจจะมีคนตายบ้าง เพราะ กรรมเขาถึงฆาตจริง อยู่ที่ไหนก็ตาย

เหตุผลของผมก็คือ  ประเทศไทยมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่มาก

หลายครั้งหลายหนแล้ว ที่จะเกิดเหตุการณ์ที่จะทำให้ประเทศสูญเสียอย่างมาก แต่ก็ไม่เกิดขึ้น หรือเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย

ผมรู้จักและมีความสนิทสนมกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวพอสมควร ดังนั้น จึงกล้ายืนยันได้อย่างนั้น

สำหรับครูบาบุญชุ่มนั้น ผมยังขอยืนยันว่า เป็นพระสร้างภาพ ไม่ได้มีความเก่งกาจอะไร ไม่มีอภิญญาใดๆ 



6 ความคิดเห็น:

  1. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. 1) มันไม่ได้เกี่ยวกับว่า ความคิดมาจากไหน ในทางปฏิบัติ การให้พระมีตำแหน่งเลียนแบบการปกครองของรัฐ

      มันทำให้พระเสีย มากกว่าพระจะดีขึ้น การให้เงินเดือนพระแบบนี้ มีในสมัยรัตนโกสินทร์ ก่อนหน้านี้ไม่มี


      2) แล้วผมตอบผิดตรงไหน คุณสงสัยอะไร

      คุณบอกว่า เสื้อเหลืองชนะ เสื่อแดงชนะ ศาสนาจะแย่ลง ผมก็บอกว่า ไม่ใช่ ศาสนาจะพังเพราะบริษัท 4 ผมก็เขียนถูกแล้ว


      3) ต้นธาตุไม่ได้สั่งผม ผมจะทำอะไร เรื่องของผม เรื่องนี้ หลวงพ่อวัดปากน้ำสั่งมานานแล้ว

      "ห้ามว่า ดร. มนัส" แล้วหลวงพ่อก็บอกต่อว่า อีกคนหนึ่งคือ "พี่วิบูล" สองคนนี้ทำอะไร ปล่อยเขาไป

      วิทยากรที่ถามต้นธาตุ หาเรื่องเกินไป เรื่องนี้ไม่ควรไปถาม


      คุณยังความรู้น้อยไป ความคิดแคบไป อายุมากกว่านี้ เรียนมากกว่านี้ ก็จะเปลี่ยนความคิดไปเอง

      อย่าลืมว่า ผมจบปริญญาเอกที่ธรรมศาสตร์ การเมืองมันฝังหัวอยู่แล้ว แต่จะแสดงออกมาขนาดไหน มันอีกเรื่องหนึ่ง

      ลบ
  2. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  3. ผมตอบเรื่องการเมืองก่อน

    1) ดุษฏีนิพนธ์ปริญญาเอกของผม ชื่อ "ความจริงกับการใช้เหตุผลในคำอภิปรายระหว่างฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาลและการเสนอข่าวของหนังสือพิมพ์: กรณีศึกษาการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ"

    ที่ปรึกษาคนที่ 1 ชื่อ ศ.ดร. สมบัติ จันทรวงศ์

    น่าจะเป็นดุษฏีนิพนธ์ปริญญาเอกทางการเมืองที่หนาที่สุด ประมาณ 800 หน้า

    2) ตอนที่ผมเรียน ผมเรียนรุ่นเดียวกับ พี่พิมล พูพิพิธ คุณน่าจะรู้จัก แต่พี่พิมลแกไม่ยอมทำวิทยานิพนธ์ แกพอแค่นั้น

    3) ผมเรียนปริญญาเอกอยู่ 6 ปี

    ดังนั้น ในทางรัฐศาสตร์ ถ้าผมวิพากษ์วิจารณ์คุณว่า "เป็นอย่างไร" คุณเชื่อได้เลยว่า มีน้ำหนักมากพอควร

    ผมเรียนกับอาจารย์รัฐศาสตร์ที่ดังๆ ของประเทศเรา หลายมหาวิทยาลัย


    เรื่องศาสนา

    การจัดการปกครองของพระเลียนแบบการปกครองทางโลก มีมาตั้งแต่สมัย ร. 1 จำงานวิจัยไม่ได้แล้ว มีหลายเรื่อง จำได้ว่ามีอาจารย์สมบูรณ์ สุขสมบูรณ์ คุณคนึงนิจ จำนามสกุลไม่ได้แล้ว ทำเรื่องนี้อยู่

    การจ่ายเงินเดือนพระยังมีอยู่ พระส่วนใหญ่จึงไขว่าคว้าหาตำแหน่งกัน มีการยัดเงินกัน พอๆ กับฆราวาส

    คุณลองคิดดู "เถรสมาคม" ทำอะไรเพื่อศาสนาบ้าง นอกจากรับตำแหน่ง รับเงิน แล้วก็รับซองนิมนต์

    นี่เป็นเพราะ ไปจัดการปกครองของพระเลียนแบบการปกครองของรัฐ เหตุผลลึกๆ ก็ช่วยรัฐปกครองคนได้ง่ายขึ้น

    ตอบลบ
  4. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ